เรื่อง หมู หมู ที่ไม่หมู จ้า
คุณค่าจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ควรมองข้าม
ขอบคุณรูปภาพจาก www.momtanaddak.com
เนื้อหมูเป็นอาหารที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน จัดอยู่ในอาหารหลักหมู่ที่ 1 ที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย มีผลต่อการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยร่างกายของคนเรามีโปรตีนประมาณร้อยละ 20 ของน้ำหนักตัว นอกจากเนื้อหมูจะมีคุณค่าให้โปรตีนแก่ร่างกายแล้ว ยังให้สารอาหารประเภท ไขมัน เกลือแร่ วิตามินบี 1 วิตามินเอ ไนอาซิน(วิตามินบี3) และฟอสฟอรัส
คุณประโยชน์ของเนื้อหมู
- วิตามินบี 1 ช่วยลดอาการเหน็บชา
- วิตามินเอ บำรุงสายตา
- ไนอาซิน(วิตามินบี3) และฟอสฟอรัส ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากไม่ว่าจะเป็นช่วยในการลดไขมัน ลดการอักเสบของผิวหนัง หรือแม้กระทั่งบำรุงสมอง
- โปรตีนที่ดีในเนื้อหมูจะให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ชดเชยโปรตีนจากอาหารประเภทถั่วที่ร่างกายขาด
- วิตามินบีที่มีอยู่จำนวนมากในเนื้อหมู จะกระตุ้นกระบวนการ metabolism กำจัดความเหนื่อยล้า
- ป้องกันไม่ให้เส้นปลายประสาทอักเสบ
- เหล็กจะช่วยผลิตเลือด ที่ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนและสารอาหาร ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย ป้องกันโรคโลหิตจาง
...เรียกได้ว่าเปี่ยมคุณประโยชน์อย่างแท้จริง...
พลังงานและสารอาหารจาก Raw Pork ( เนื้อหมูดิบ )
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อหมู
คุณค่าทางอาหาร | หน่วย | ชนิดของเนื้อหมู 100 กรัม |
ความชื้น | กรัม | 50.10 |
แคลเลอรี่ | IU | 376.00 |
พลังงาน | KCAL | 242.1 |
ไขมัน | IU | - |
คาร์โบไฮเดรต | กรัม | - |
แคลเซียม | กรัม | 8.00 |
โปรตีน | กรัม | 27 |
ฟอสฟอรัส | กรัม | 151.00 |
เหล็ก | มิลลิกรัม | 2.10 |
ขอบคุณรูปภาพจาก www.bangkokhospital.com
น้ำ ปริมาณน้ำในอาหารที่ได้มาจากเนื้อหมูจะมีผลต่อลักษณะต่างๆของเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ด้วย เช่น ความเต่ง ความนุ่ม รสชาติและลักษณะเนื้อสัมผัสของเนื้อหมู
โปรตีน เนื้อหมูจัดเป็นอาหารที่มีโปรตีนชนิดสมบูรณ์ซึ่งประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่ จำเป็นต่อร่างกาย(essential amino acid) ที่มนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ได้ครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย ดังนั้น โปรตีนจากเนื้อหมูจึงจัดเป็นโปรตีนที่มีคุณค่าสูง นอกจากจะประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว ยังมีคุณสมบัติถูกย่อยได้ดี ร่างกายจึงสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย
กรดอะมิโน | ประเภทกรดอะมิโน |
ปริมาณเนื้อหมู (กรัม ต่อ 100 กรัมของส่วนที่บริโภคได้) |
ไอโซลูซีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.0 |
ลูซีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.5 |
ไลซีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.5 |
เมทิโอนีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.4 |
เฟนิลอะลานีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.8 |
ธรีโอนีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.0 |
ทริปโตเฟน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.2 |
วาลีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.0 |
อาร์จินีน |
กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับเด็ก |
1.3 |
ฮิสทิดีน |
กรดอะมิโนที่จำเป็น สำหรับเด็ก |
0.7 |
อะลานีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.2 |
กรดแอสพาร์ติก | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.7 |
กรดกลูตามิก | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 2.9 |
ไกลซีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 1.2 |
โพรลีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.9 |
ซีรีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.7 |
ซีสทีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.2 |
ไทโรซีน | กรดอะมิโนที่จำเป็น | 0.6 |
ขอบคุณรูปภาพจาก www.angeltrendy.com
ไขมัน ปริมาณไขมันที่มีในเนื้อหมูขึ้นอยู่กับตำแหน่งของชิ้นเนื้อและปริมาณไขมันที่มีอยู่บนชิ้นเนื้อที่ได้ภายหลังการตัดแต่ง ไขมันในเนื้อหมูที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ได้แก่ ไตรกลีเซอไรด์ ฟอสโฟไลปิด คอเลสเทอรอล และ วิตามินที่ละลายในไขมัน ในเนื้อสัตว์บางชนิดจะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกายค่อนข้างสูง ได้แก่ กรดอะราคิโดนิก (arachidonic acid) กรดลิโนเลอิก (linoleic acid) และกรดลิโนเลนิก (linolenic acidส่วนคอเลสเทอรอล จัดเป็นสารประกอบไขมันที่สำคัญชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในไขมันหมูซึ่งมีมากในสมองและเนื้อเยื่อประสาท
กรดไขมัน (ร้อยละของทั้งหมด) |
|
ปาล์มิติก | 28 |
สเตรียริก | 13 |
ปาร์มิโตลีอิก | 3 |
โอลีอิก | 46 |
ลิโนลีอิก | 10 |
ลิโนลีนิก | 0.7 |
อะราคิโดนิก | 2 |
คาร์โบไฮเดรต โดยทั่วไปเนื้อหมูมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบอยู่ไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ ไกลโคเจน และกรดแลกติก ส่วนไกลโคเจนมักพบสะสมมากที่บริเวณ ตับ ดังนั้นเนื้อหมูจึงไม่ได้เป็นแหล่งที่ให้คาร์โบไฮเดรตแก่ร่างกาย
วิตามินและแร่ธาตุ เนื้อหมูเป็นแหล่งของวิตามินบีคอมเพลกส์โดยเฉพาะวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซิน วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 พบว่า ในสุกรมีปริมาณวิตามินบี 1 ประมาณ 8- 10 เท่าของเนื้อหมูชนิดอื่นๆ ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณวิตามินในเนื้อหมูคือความอ้วนของหมูเนื่องจากวิตามินบีคอมเพลกส์เป็นวิตามิน ที่ละลายได้ ในน้ำจึงมักพบอยู่ในส่วนของเนื้อแดง ถ้าหมูอ้วนมากก็จะมีส่วนของไขมันมากขึ้นแต่ส่วนของเนื้อแดงจะลดลง จึงทำให้มีวิตามินบีรวมในระดับต่ำ กว่าสัตว์ ที่มีกล้ามเนื้อมากในเนื้อสุกมักมีวิตามินบีรวมอยู่ในปริมาณ ที่สูงกว่าเนื้อสด เนื่องจากถูกระเหยของน้ำออกไปจากก้อนเนื้อ ในขณะทำให้สุก
เนื้อหมู | มิลลิกรัม/100กรัม |
วิตามินบี1 | 0.76 |
วิตามินบี2 | 0.18 |
ไนอะซิน | 4.1 |
แคลเซียม ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม จะสูญเสียออกมาในขณะทำให้สุก โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมจะสูญเสียออกมากับน้ำบ้าง ดังนั้น การหุงต้มจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณแร่ธาตุของเนื้อได้ เนื่องจากการใช้ ความร้อน ทำให้ส่วนของน้ำในเนื้อสูญเสียไปจึงทำให้ปริมาณโปรตีน ไขมัน และพลังงานที่ได้เพิ่มมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก..